จะเป็นทนายความได้อย่างไร

จะเป็นทนายความได้อย่างไร
คุณสมบัติ
1. มีสัญชาติไทย
2. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรืออนุปริญญาทางนิติศาสตร์จากสถาบันที่สภาทนายความอนุมัติ
3. ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดีและไม่เป็นผู้ได้กระทำการใด
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่น่าไว้วางใจในความซื่อสัตย์สุจริต
4. ไม่อยู่ในระหว่างต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก หรือเป็นบุคคลล้มละลาย
5. ไม่เป็นโรคติดต่อซึ่งเป็นที่รังเกียจแก่สังคม

หลักฐานที่ใช้ประกอบการสมัครอบรมวิชาว่าความ
1. หนังสือรับรองคุณวุฒิชั้นอนุปริญญา หรือปริญญาตรีทางนิติศาสตร์ ซึ่งสภาทนายความ เห็นว่ามีมาตรฐานการ
ศึกษาควรเป็นทนายความได้ (เฉพาะหนังสือรับรองที่ออกโดยสภามหาวิทยาลัยหรือปริญญาบัตร)
ต้องถ่ายเอกสาร พร้อมตัวจริงแนบใบสมัคร จำนวน 1 ชุด
2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน/ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ อื่น ๆ จำนวน 1 ชุด
3. สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด
4. รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จำนวน 4 รูป (แต่งกายสุภาพถ่ายไม่เกินหกเดือน)
5. กรณีที่เปลี่ยนชื่อตัว ต้องแนบหนังสือสำคัญการเปลี่ยนชื่อตัว
6. กรณีที่เคยต้องคำพิพากษา หรือถูกลงโทษทางวินัย ต้องแนบสำเนาคำพิพากษาถึงที่สุดหรือคำสั่งลงโทษ
7. ใบสำคัญการสมรส หรือใบสำคัญการหย่า (เฉพาะสุภาพสตรี)
ผู้สมัครจะต้องมาสมัครด้วยตนเองเท่านั้น

ระเบียบว่าด้วยการฝึกอบรมและทดสอบ ดังต่อไปนี้
การฝึกอบรมวิชาว่าความแบ่งเป็น 2 ภาค คือภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ

ภาคทฤษฎี การฝึกอบรมความรู้ภาคทฤษฎี สำนักฝึกอบรมวิชาว่าความ จะจัดให้มีการบรรยายทางวิชาการในหัวข้อ
ต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 20 วัน โดยผู้เข้ารับการอบรมวิชาว่าความจะเข้ารับการอบรมหรือไม่ก็ได้ (ไม่เช็คเวลาเรียน)

เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกอบรมภาคทฤษฎีแล้ว จะทำการทดสอบความรู้ในภาคทฤษฎี ผู้ที่สอบไม่ผ่านสำนักฝึกอบรมวิชา
ว่าความจะไม่ส่งเข้ารับการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ และถือว่าไม่ผ่านการฝึกอบรมวิชาว่าความ แต่ไม่ตัดสิทธิที่จะเข้ารับ
การฝึกอบรมในรุ่นต่อไป โดยเสียค่าธรรมเนียมในการสมัครฝึกอบรมตามที่สำนักฝึกอบรมได้กำหนดไว้

ภาคปฏิบัติ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่สอบผ่านภาคทฤษฎีจะต้องฝึกอบรมภาคปฏิบัติอีกไม่น้อยกว่า 6 เดือน โดยสำนัก
ฝึกอบรมฯ จะจัดส่งไปฝึกอบรมภาคปฏิบัติ ณ สำนักงานทนายความ, ฝ่าย, องค์กรกฎหมายต่าง ๆ ทั่วประเทศ หรือ
ในกรณีที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้แจ้งให้สำนักฝึกอบรมทราบว่า ได้มีสำนักงานที่จะฝึกภาคปฏิบัติแล้วสำนักฝึกอบรม
จะพิจารณาจัดส่งไปฝึกภาคปฏิบัติตามที่ได้แจ้งไว้ทั้งนี้ ในการเข้าฝึกอบรมภาคปฏิบัติของผู้เข้ารับการอบรมนี้
ทนายความผู้ควบคุมการฝึกและเซ็นรับรองและประเมินผลการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ จะต้องเป็นทนายความ ผู้ที่มีใบ
อนุญาตจนถึงวันเริ่มฝึกภาคปฏิบัติ มาแล้วไม่น้อยกว่าเจ็ดปีขึ้นไป

เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกอบรมภาคปฏิบัติแล้วจะทำการทดสอบความรู้ในภาคปฏิบัติเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติต่างๆ ตามกฎหมาย
ในหน้าที่ของทนายความ ผู้ที่สอบไม่ผ่านการฝึกอบรมภาคปฏิบัติสามารถขึ้นทะเบียนการสอบภาคทฤษฎีไว้ได้ เพื่อใช้
สิทธิ์ในการสอบภาคปฏิบัติในรุ่นต่อไป โดยไม่ต้องเข้ารับการทดสอบภาคทฤษฎีอีก ทั้งนี้ ผู้ขอขึ้นทะเบียนจะต้องรักษา
สิทธิและเสียค่าธรรมเนียมการสอบภาคปฏิบัติให้ต่อเนื่องกัน

การอบรมจริยธรรมและมรรยาททนายความ
ผู้เข้ารับการอบรมที่ผ่านการทดสอบภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จะต้องเข้ารับการอบรมจริยธรรมและมรรยาท
ทนายความตามกำหนดวันที่สำนักฝึกอบรมฯ ประกาศกำหนด ผู้ที่ผ่านการอบรมจริยธรรมและมรรยาททนายความ
ดังกล่าวจึงจะถือว่าเป็นผู้ผ่านการอบรมวิชาว่าความ และมีสิทธิ์ในการยื่นคำขอ จดทะเบียน เพื่อรับใบอนุญาตประกอบ
วิชาชีพทนายความต่อไป

ค่าธรรมเนียมและค่าลงทะเบียน
1 ค่าธรรมเนียมในการสมัครเข้ารับการฝึกอบรมวิชาว่าความ เป็นเงิน 3,000 บาท (สามพันบาทถ้วน)
2 ค่าลงทะเบียนทดสอบภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ภาคละ 300 บาท (สามร้อยบาทถ้วน)
การลงทะเบียนทดสอบภาคปฏิบัติต้องนำแบบแจ้งผลการฝึกอบรมภาคปฏิบัติตลอดจนเอกสารที่เกี่ยวข้องมา
เป็นหลักฐานประกอบการลงทะเบียนทดสอบด้วย
3 ค่าลงทะเบียนรับประกาศนียบัตรเป็นเงิน 300 บาท (สามร้อยบาทถ้วน)
4 ค่าธรรมเนียมทำบัตรประจำตัว 50 บาท (ห้าสิบบาทถ้วน)
5 กรณีเคยเข้ารับการอบรมแล้ว เสียค่าธรรมเนียมรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,700 บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน)

การรับประกาศนียบัตร
1 ผู้ที่จะได้รับประกาศนียบัตรจากสภาทนายความ จะต้องสอบได้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติและจะต้อง
เข้ารับการอบรมจริยธรรมและมรรยาททนายความตามกำหนดวันที่สำนักฝึกอบรมวิชาว่าความประกาศกำหนด
2 ผู้ที่สอบได้ภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติและเข้ารับการอบรมจริยธรรม และมรรยาททนายความแล้ว และ
ได้คะแนนแต่ละภาคตั้งแต่ร้อยละ 90 ขึ้นไป มีสิทธิได้รับการพิจารณาจากสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความ เพื่อให้ได้รับ
เกียรตินิยมอันดับหนึ่งและหากคะแนนแต่ละภาคได้ตั้งแต่ร้อยละ 80 ขึ้นไป มีสิทธิได้รับการพิจารณาจากสำนักฝึก
อบรมวิชาว่าความ เพื่อให้ได้รับเกียรตินิยมอันดับสอง
3 ในกรณีผู้มีสิทธิที่จะได้รับพิจารณาจากสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความเพื่อให้ได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
หรือสองแล้วแต่กรณีจะต้องผ่านการพิจารณาตรวจสอบ โดยละเอียดว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อกำหนดที่
จะได้รับเกียรตินิยม

เมื่อผ่านการอบรมวิชาว่าความ จึงจะมีสิทธิยื่นขอจดทะเบียนเป็นทนายความ


หลักฐานการยื่นคำขอจดทะเบียนและรับใบอนุญาตให้เป็นทนายความ
-
สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวของบุคคลซึ่งได้รับยกเว้นไม่ต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนตาม
กฎหมาย ว่าด้วยบัตรประจำตัวประชาชน
- ใบรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม (ใบรับรองแพทย์)
- หลักฐานแสดงว่าสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรืออนุปริญญาทางนิติศาสตร์ หรือประกาศนียบัตรในวิชา
นิติศาสตร์ ซึ่งเทียบได้ไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรืออนุปริญญาจากสถาบันการศึกษา ซึ่งสภาทนายความเห็นว่ามี
มาตรฐานการศึกษาที่ผู้ได้รับปริญญาตรีหรือประกาศนียบัตรควรเป็นทนายความได้
- หลักฐานแสดงว่าเป็นสมาชิกเนติบัณฑิตยสภา (ขอหนังสือรับรองจากเนติบัณฑิตยสภา)
- หลักฐานแสดงว่าเคยเป็นทนายความ หรือเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษา ตุลาการศาลทหาร พนักงานอัยการ
อัยการทหาร หรือทนายความตามกฎหมายว่าด้วยธรรมนูญศาลทหาร หรือหลักฐานแสดงว่าผ่านการฝึกอบรม
มรรยาททนายความ หลักปฏิบัติ เบื้องต้นในการว่าความและการประกอบอาชีพทางกฎหมายตามข้อบังคับสภา-
ทนายความ หรือหลักฐานแสดงว่าผ่านการฝึกหัดงานในสำนักงานทนายความมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
- กรณีที่เคยรับราชการ ต้องแนบหลักฐานคำสั่งเกษียณอายุราชการ หรือคำสั่งลาออกจากราชการ
- กรณีที่เคยต้องคำพิพากษาหรือถูกลงโทษทางวินัย ต้องแนบสำเนาคำพิพากษาถึงที่สุดหรือคำสั่งลงโทษ
- รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง สวมครุยเนติบัณฑิต (ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน) รูปสีหรือขาวดำ ขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป
และขนาด 2 นิ้ว หรือ 2 นิ้วครึ่ง จำนวน 3 รูป

ค่าจดทะเบียนเป็นสมาชิก
- ประเภทสองปี ค่าธรรมเนียม 1,600.- บาท
- ประเภทตลอดชีพ ค่าธรรมเนียม 4,800.- บาท

lawsociety.or.th

ความคิดเห็น

  1. 1
    คุณเฉลิมเกียรติ
    คุณเฉลิมเกียรติ chalermkiat-sds@hotmail.com 01/02/2008 15:44
    {icone324}
    อยากเป็นอีตายแล้วนิ ลูกจะทำควาหวังนี้ให้สำเร็จเพื่อนหวังของพ่อแม่และครอบครัว ขอบคุณครับท่านที่เคารพ คุณเฉลิมเกียรติ ศักดิเศรษฐ์
  2. 2
    -
    - 02/12/2008 20:44
    ข้อสอบตั๋วทนายภาคทฤษฎี : ปรนัยประมาณ 20 ข้อคับ.. ส่วนมากเป็นพรบ.ทนายความ พ.ศ. 2528 จะแจกให้ตอนซื้อใบสมัคร ซึ่งออกประมาณ 2-3 ข้อ , วิ.แพ่งจะออกเยอะหน่อย, วิ.อาญา มีออกบ้างแต่ไม่มาก, พระธรรมนูญศาลยุติธรรม และมีอีกหลายวิชา คับ..
    และอัตนัย 80 คะแนน ต้องรู้หลักการเขียนและบรรยายฟ้อง ที่ออกแน่นอนและออกประจำก็คือคำฟ้องแพ่ง ประมาณ 35-40 คะแนน , พวกฟ้องอาญาก็มี คะแนนจะรองลงมาอันดับสอง และสุดท้ายคือพวกคำร้อง คำขอ คำแถลง หนังสือบอกกล่าว ต่าง ๆ ซึ่งแนวข้อสอบตั๋วทนาย รุ่นที่ 31 มีเนื้อหา ที่ใช้ในการสอบภาคทฤษฏี ประกอบด้วย
    1.กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
    2.กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
    3.วิธีพิจารณาคดีอาญาในศาลแขวง
    4.พระราชบัญญัติทนายความ
    5.ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529
    6.วิธีดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลภาษีอากร
    7.วิธีดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลล้มละลาย
    8.วิธีดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแรงงาน
    9.วิธีดำเนินกระบวนพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
    10.วิธีดำเนินกระบวนพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
    11.การเขียนคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องคดีแพ่ง
    12.การเขียนคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องคดีอาญา
    13.การเขียนคำร้อง คำขอ คำแถลง
    14.การเขียนหนังสือมอบอำนาจ
    15.หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดี
    ข้อสอบตั๋วทนาย รุ่นหลังๆ ยากขึ้นเรื่อยๆ นะครับ ควรศึกษาข้อสอบเก่า หัดร่างฟ้องแพ่ง-ฟ้องอาญาให้มากๆ คับ จะได้เก่งๆ

    ผมมีสรุปหลักการบรรยายคำฟ้อง (แพ่งและอาญา) , คำร้องขอ , คำร้อง คำขอ คำแถลง คำให้การ และ หนังสือบอกกล่าวทวงถาม และมีตัวอย่างประกอบ อยากแจกให้เพื่อนๆ อ่าน แต่ขาดงบฯ ในการจัดส่ง ถ้าเพื่อนๆ สนใจ ก้อ mail รายละเอียดมาที่ tathailand490@gmail.com ได้นะครับ..
  3. 3
    เอ๋
    เอ๋ phakdee12345@hotmail.com 05/10/2009 20:31
    สู้เค้านะ สู้สู้ พี่จะคอยเป็นกำลังใจให้ {icone307} {icone307} {icone259} {color=pink}สู้เค้านะ สู้สู้ พี่จะคอยเป็นกำลังใจให้{/color}
  4. 4
    1234
    1234 27/11/2009 00:17
    ผู้ที่เคยต้องคำพิพากษาจำคุกแต่ให้รอการลงโทษ(ซึ่งปัจจุบันพ้นแล้ว)มีสิทธิที่จะได้รับใบอนุญาตว่าความหรือไม่ครับ...ขอขอบพระคุณผู้ที่กรุณาตอบคำถามครับ..
  5. 5
    law Fg.
    law Fg. 17/06/2010 01:12

    อยู่ปี 2 แหละ นิติศาสตร์ อ่านแล้วอยากเป็นทนาย เลย !!

    สู้ ๆ ๆ

แสดงความคิดเห็น

* *

 

*

view